สาเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ แม่ท้องต้องระวัง !!!

11 March 2017
123012 view

ทารกเสียชีวิตในครรภ์

สิ่งที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องตระหนักและควรปฎิบัติคือการไปฝากครรภ์ตามนัด  คุณแม่หลายๆคน อาจไม่เห็นความสำคัญของการฝากครรภ์ คุณแม่ทราบหรือไม่  ขณะตั้งครรภ์นั้นมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับลูกน้อยอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงทางด้านแม่ด้วย การไปฝากครรภ์เป็นการตรวจเช็คทั้งสุขภาพลูก และสุขภาพแม่ไปพร้อมๆกัน นอกจากจะได้รับการตรวจสุขภาพจากการไปฝากครรภ์แล้ว เจ้าหน้าที่แผนกฝากครรภ์ยังมีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการดูแลครรภ์ด้วย คลอบคลุมไปถึงการสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นด้วย  คุณแม่ทราบหรือไม่ ขณะตั้งครรภ์ทารกในครรภ์เสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ตลอดเวลามีทั้งปัจจัยด้านคุณแม่และตัวลูกด้วยรายละเอียดคุณแม่ต้องรู้ตามนี้

รวมสาเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ ที่แม่ท้องต้องระวัง

1. สาเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ที่เกิดจากมารดา

  • มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคเอสแอลอี (SLE) ทำให้มีเลือดไปเลี้ยงทารกไม่เพียงพอ
  • อายุมากขณะตั้งครรภ์
  • น้ำหนักเยอะขณะตั้งครรภ์ หรืออ้วนมากขณะตั้งครรภ์
  • ตั้งครรภ์ทารกหลายคน เช่น ครรภ์แฝด
  • ได้รับอุบัติเหตุขณะตั้งครรภ์
  • ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด

2. สาเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ที่เกิดจากทารก

  • มีความผิดปกติของโครโมโซม มีความพิการ
  • ติดเชื้อในครรภ์
  • ทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (Intrauterine growth restriction)
  • การขาดออกซิเจนเรื้อรัง เช่น จากรกเสื่อม

3. สาเหตุที่ทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ที่เกิดจากสายสะดือ

  • สายสะดือพันกัน
  • สายสะดือย้อยหรือโผล่แลบ
  • รกลอกตัวก่อนกำหนด
  • รกเสื่อม

มารดาจะมีอันตรายหรือไม่หาก ทารกเสียชีวิตในครรภ์ ?

ความเสี่ยงต่างๆ หรือผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อน หรืออันตรายต่อมารดาจากภาวะทา รกเสียชีวิตในครรภ์ มีดังนี้

  • เสี่ยงต่อการได้รับการทำหัตถการต่างๆ เช่น การขูดมดลูก การผ่าตัดคลอดบุตร เสียเลือด มดลูกทะลุ
  • ติดเชื้อในโพรงมดลูก
  • เลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ (ตกเลือด) เลือดออกแล้วหยุดยาก ที่มักจะเกิดในกรณีที่ทารกเสียชีวิตในครรภ์นานกว่า 1 เดือน เนื่องจากมีการแข็งตัวของเลือดผิด ปกติ (Consumptive coagulopathy) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายมาก แต่มักเกิดในกรณีที่ทารกในครรภ์อายุค่อนข้างมากและเสียชีวิตมานานเกิน 4 สัปดาห์

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าทารกเสียชีวิตในครรภ์? 

อาการผิดปกติ ที่สตรีตั้งครรภ์สังเกตได้ เมื่อทารกอาจเสียชีวิตในครรภ์ มีดังนี้

  • อาการของการตั้งครรภ์ เช่น แพ้ท้อง คลื่นไส้อาเจียน เต้านมคัดตึง หายไป
  • น้ำหนักตัวมารดาไม่ขึ้น หรือ กลับลดลง
  • ทารกที่เคยดิ้นในครรภ์แล้ว หยุดดิ้นไป
  • ครรภ์ไม่โตขึ้น (หน้าท้องไม่โตขึ้น) และกลับเล็กลงด้วย
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด

แพทย์วินิจฉัยทารกในครรภ์เสียชีวิตได้อย่างไร?

เมื่อไปฝากครรภ์ แพทย์จะมีการตรวจร่างกาย ตรวจครรภ์ว่า โตเหมาะสมกับอายุครรภ์ที่มากขึ้นหรือไม่ ที่อายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ขึ้นไป แพทย์จะสามารถใช้เครื่องช่วยฟังเสียงการเต้นของหัวใจทารกได้ (Doppler sonic aids) จะมีการตรวจประเมินเช่นนี้ทุกครั้งที่ไปฝากครรภ์ หากแพทย์ตรวจพบว่าขนาดของครรภ์ไม่โตขึ้นตามที่ควรจะเป็น ฟังไม่ได้ยินการเต้นของเสียงหัวใจทารกโดยใช้เครื่องช่วยฟัง น้ำหนักมารดาไม่เพิ่มขึ้น แพทย์จะส่งไปตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) เพื่อดูการเต้นของหัวใจทารก ซึ่งเป็นการวินิจฉัยทารกในครรภ์เสียชีวิตได้แม่นยำที่สุด

หากคุณแม่มีอาการผิดปกติ ไม่ควรเก็บข้อสงสัยต่างๆไว้ในใจ แนะนำให้รีบพบแพทย์ ด่วนนะคะ อย่ามองว่าเป็นการเสียเวลาหรือกลัวแพทย์ดุ

บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

1. การตรวจความผิดปกติหัวใจของทารกในครรภ์ที่แม่ตั้งครรภ์ต้องรู้

2. สายสะดือพันคอทารกในครรภ์แม่จะรู้ได้อย่างไร

3. แม่รู้ได้อย่างไรว่าทารกในครรภ์มีสุขภาพแข็งแรง

เรียบเรียงโดย :  Mamaexpert  Editorial Team