ดีเอชเอ (DHA) และธาตุเหล็ก สุดยอดสารอาหารสำคัญที่แม่ๆ ต้องใส่ใจทุก “คำ” ของลูก

03 April 2020
3741 view

สารอาหารเป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเด็ก การเลือกสรรสารอาหารที่ดีสำหรับลูกจึงเป็นสิ่งที่แม่ต้องใส่ใจ และหากพูดถึงสารอาหารสำคัญ หนึ่งในนั้นคุณแม่คงนึกถึง ดีเอชเอ (DHA) กันใช่ไหมคะ DHA เป็นสารอาหารที่สำคัญตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์จนกระทั่งคลอดออกมา DHA ก็ยังมีความสำคัญอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า DHA เลย ก็คือธาตุเหล็ก ทำไม “DHA และธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่สำคัญที่แม่ๆ ต้องให้ความใส่ใจ” มาค่ะ Mamaexpert จะเล่าให้ฟัง

ดีเอชเอ (DHA) สารอาหารสำคัญที่ร่างกายสร้างไม่ได้

ใช่แล้วค่ะ ดีเอชเอ (DHA) หรือที่เรียกว่า กรดโดโคซาเฮกซาอีโนอิก (Docosahexaenoic Acid) เป็นสารอาหารที่ร่างกายไม่สามารถสร้างได้เอง เป็นโครงสร้างพื้นฐานของเซลล์สมองและจอประสาทตา ซึ่ง DHA เป็นส่วนประกอบของเซลล์สมองถึง 65% ช่วยพัฒนาการเจริญเติบโต ระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งช่วยพัฒนาด้านความจำและการเรียนรู้ นอกจากนี้นักวิจัยยังพบว่าครึ่งหนึ่งของ DHA ในสมองเด็กได้รับมาตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งได้จากอาหารที่แม่ทานเข้าไป จึงกล่าวได้ว่าการทานอาหารเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้ลูกได้รับ DHA ซึ่งอาหารที่มี DHA มักพบในปลาทะเลน้ำลึก เช่น ปลาทู ปลาทูน่า ปลาโอลาย ปลาแซลมอน ปลาน้ำจืด เช่น ปลาสวาย ปลาดุก ปลาช่อน ปลาตะเพียน และในไข่ไก่ก็มี DHA เช่นกันแต่จะมีในปริมาณที่น้อย

อ๊ะ!!! รู้เรื่อง DHA ไปแล้ว มาดูเรื่องธาตุเหล็กต่อเลยค่ะ

ธาตุเหล็กสำคัญกับเด็กมาก แม่ๆ รู้ยัง

ธาตุเหล็กมีส่วนช่วยในการสร้างเม็ดเลือดแดง มีความสำคัญต่อเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย เด็กจะได้รับธาตุเหล็กตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งได้จากการส่งผ่านจากแม่สู่ลูกขณะอยู่ในครรภ์และได้จากน้ำนมแม่ที่เพียงพอ แต่หลังจาก 6 เดือนไปแล้วร่างกายต้องการธาตุเหล็กที่มากขึ้น หรือธาตุเหล็กที่สะสมในร่างกายอาจไม่เพียงต่อความต้องการ และอาจก่อให้เกิดภาวะการขาดธาตุเหล็กตามมาได้

คุณแม่รู้หรือไม่ว่า 3 ใน 10 ของเด็กไทย ในช่วงวัย 6 เดือน ถึง 5 ปี นั้น มีภาวะการขาดธาตุเหล็กมากที่สุด ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบต่างๆ ของร่างกาย รวมทั้งพัฒนาการด้านต่างๆ เช่น การเจริญเติบโต การพัฒนาสมอง ระบบภูมิคุ้มกัน และอาจทำให้ติดเชื้อหรือเจ็บป่วยได้ง่ายมากขึ้น ดังนั้นแล้วจึงเป็นเรื่องสำคัญที่แม่ต้องเร่งเสริมธาตุเหล็กให้กับลูก ให้เพียงพอด้วยการเพิ่มสารอาหาร หรือให้ลูกรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กเสริมหลังจาก 6 เดือน ซึ่งอาหารที่แม่ต้องเน้นและให้ลูกทานเพื่อเสริมสร้างธาตุเหล็กนั้นมีมากมาย แต่ส่วนมากธาตุเหล็กจะอยู่ในอาหารเหล่านี้ค่ะ

  • ธัญพืช
  • เนื้อสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสัตว์เนื้อแดง
  • เครื่องในสัตว์ เช่น ตับ เลือด ไข่แดง เป็นต้น
  • ผักใบเขียวเข้ม เช่น ตำลึง คะน้า ผักโขม ผักบุ้ง หน่อไม้ฝรั่ง บรอกโคลี เป็นต้น

เด็กต้องการธาตุเหล็กในปริมาณที่มาก โดยช่วง 6-11 เดือน ควรได้รับธาตุเหล็กถึง 9.3 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ปริมาณของธาตุเหล็กในอาหารแต่ละชนิดจะต่างกัน เช่น ตับไก่ 4.25 กรัม มีธาตุเหล็กเพียง 0.42 มิลลิกรัม เท่านั้น หรือหากจะให้ลูกกินธาตุเหล็กให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายก็เท่ากับลูกต้องกินไข่ถึง 12 ฟองต่อวันเลยทีเดียว แบบนี้ไม่ไหวแน่ๆ เลยค่ะเพราะกระเพาะอาหารของเด็กวัย 6 -12 เดือนนั้นเล็กกว่าผู้ใหญ่ถึง 5 เท่า จะรับปริมาณของอาหารได้มากมายขนาดนั้นได้ยังไง

แต่!!! ไม่ต้องกังวลไปนะคะ เพราะปัจจุบันนี้ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับเด็กได้รับการพัฒนาคิดค้นให้ผลิตภัณฑ์มีสารอาหารครบถ้วน รวมทั้งเพิ่ม DHA และ ธาตุเหล็กให้มีปริมาณสูงเพียงพอต่อความต้องการของลูกในแต่ละวันอีกด้วย อย่าง “#เนสท์เล่ซีรีโกรว #Nestleceregrow #ใส่ใจทุกคำของลูก

เห็นแล้วใช่ไหมคะว่า DHA และธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารสำคัญของเด็ก การใส่ใจโภชนาการของลูก เลือกสรรอาหารที่มี DHA, ธาตุเหล็กสูงให้ลูกได้ทาน จะช่วยให้ลูกมีการเจริญเติบโตทางร่างกาย ทางสมองสมวัย รวมทั้งระบบภูมิคุ้มกันที่ดี และอาจหาตัวช่วยง่ายๆ ด้วยการเลือกผลิตภัณฑ์อย่างอาหารเสริมที่มี DHA และธาตุเหล็กสูง ให้ลูกทานในวันที่เร่งรีบก็ได้นะคะ

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team

อ้างอิง

  1. ปลาทะเล.เข้าถึงได้จาก http://a0.pise.pw/NXC5D.[ค้นคว้าเมื่อ 26 ธันวาคม 2562]
  2. รศ.นพ.บุญชู พงศ์ธนากุล.สาขาวิชาโลหิตวิทยาและอองโคโลยี ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล.ภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในเด็ก.เข้าถึงได้จาก http://www.tsh.or.th/knowledge_detail.php?id=65.[ค้นคว้าเมื่อ 26 ธันวาคม 2562]
  3. รศ.พญ.ปรียานุช แย้มวงษ์.ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล.กินปลาสมองดี.เข้าถึงได้จาก https://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/articledetail.asp?id=346.[ค้นคว้าเมื่อ 26 ธันวาคม 2562]