เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 17 เม.ย. พ.ต.ท.ฉัตรชัย นวลจริง สารวัตรสอบสวน สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งจาก นายธนาดล วงษ์ป้อง อายุ 41 ปี อยู่ เขตเทศบาลเมืองหลังสวน ว่า ได้พบ นางฝ้าย (สงวนนามสกุล) อายุ 87 ปี อยู่หมู่ที่ 16 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ถูกลูกไล่ออกจากบ้าน มานั่งอยู่ที่หน้าบ้านของ นายธนาดล โดยมีอาการป่วยด้วย ขอให้ไปช่วยเหลือ

โดยที่บ้านของนายธนาดล กลางตลาดหลังสวน หน้าวัดต้นโพธิ์ เปิดเป็นร้านเสริมสวย กับ นางจินตนา ราชยม อายุ 41 ปี ภรรยาของนายธนาดล เล่าว่า ในช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ พบนางฝ้ายมานั่งหอบอยู่ที่เก้าอี้หน้าร้านเสริมสวย เข้าไปสอบถามได้การว่า “ไม่รู้จะไปไหนเนื่องจาก ถูกลูกๆ ไล่ออกจากบ้าน ที่อยู่ในพื้นที่ หมู่ที่ 16 ต.บ้านควน อ.หลังสวน จ.ชุมพร

ห่างจากที่เกิดเหตุ ร่วม 25 กม. จึงตั้งใจมาอาศัยวัดท่าโพธิ์ แต่ถูกแม่ชีขับไล่ออกมาอีก ด้วยความที่มีโรคหอบและโรคลม จึงมานั่งพักที่หน้าร้านเสริมสวย “น้ำผึ้งซาลอน” และ ไม่รู้จะไปไหนดี นายธนาดล และ นางจินตนา จึงพาเข้าไปพักภายในบ้าน จนกระทั่งเช้า จึงนำตัว นางฝ้ายมาแจ้งความ ที่ สภ.หลังสวน เพื่อดำเนินการต่อไป

นางฝ้าย ที่มีอายุเกือบ 90 ปี เล่าด้วยเสียงน้ำเสียงสั่นเครือแหบแห้ง น้ำตาคลอว่า “สามีตายจากไปเมื่ออายุ 45 ปี จึงต้องเลี้ยงลูก จำนวน 5 คน เป็น ผู้หญิง 4 คน ผู้ชาย 1 คน สร้างเนื้อสร้างตัวตามลำพังเลี้ยงลูกจน มีสวนเกษตรทั้งยางพาราและสวนปาล์ม มากถึง 50 ไร่ ต่อมาลูกๆ แยกตัวไปมีครอบครัว ที่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฏร์ธานี ที่ จ.ระนอง ที่ อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร จึงอาศัยอยู่กับลูกสาว ที่บ้านของ นางฝ้าย ต่อมาลูกสาวมีสามี นางฝ้ายจึงยกสวนเกษตรให้ลูกสาวเก็บพืชผลเพื่อเลี้ยงชีวิต ส่วนนางฝ้ายขอเพียงให้ลูกสาวแบ่งรายได้และเลี้ยงดูนางฝ้ายบ้างเท่านั้น

แต่เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา นางฝ้ายกับลูกสาวมีเรื่องทะเลาะกัน เนื่องจากลูกสาวไม่ยอมแบ่งเงินให้นางฝ้ายใช้บ้างเลย จนกระทั่งลูกสาวได้ทำร้ายร่างกายนางฝ้ายหลายครั้ง ในบางครั้งถึงกับเอาเก้าอี้ไม้ทับบนตัวนางฝ้าย จนนางฝ้ายต้องยกมือไหว้ และบอกว่า กลัวแล้วอย่าทำแม่เลย กระทั่งไม่ยอมให้ร่วมวงกินข้าวด้วย แถมพูดจา ด้วยถ้อยคำหยาบคายกับนางฝ้ายตลอดเวลา ถึงขั้นพูดว่า “จะไปตายไหนก็ไป ไม่อยากฝัง”

นางฝ้ายจึงเดินทางไปขออาศัยกับ ลูกสาวอีกคน ที่ จ.สุราษฏร์ธานี และสวมใส่สร้อยคอทองคำกับสร้อยข้อมือทองคำไปด้วย เมื่อไปถึง ลูกสาวได้ขอสร้อยคอและสร้อยข้อมือไปขาย เพื่อนำเงินมาใช้จ่ายในครอบครัว ด้วยความรักลูก จึงให้ไป แต่เมื่ออยู่ด้วยกันได้ระยะหนึ่ง ลูกสาวแสดงการรังเกียจ ไม่อยากให้ นางฝ้ายอาศัยอยู่ด้วย นางฝ้ายจึงขอสร้อยทองคำคืน แต่ลูกสาวกลับบอกว่า เป็นค่าเลี้ยงดู นางฝ้ายในระหว่างที่อาศัยอยู่ด้วยกัน

โดยเมื่อวันที่ 12 เม.ย. ลูกสาวได้โทรศัพท์จ้างรถยนต์จาก ต.บ้านควน อ.หลังสวน ให้มารับนางฝ้ายเพื่อนำไปส่งไว้ที่บ้าน แต่เมื่อมาถึงที่หมู่บ้าน นางฝ้ายไม่กล้ากลับเข้าไปที่บ้าน ด้วยความกลัวลูกสาวอีกคนจะทำร้ายอีก จึงอาศัยนอนบริเวณหน้าบ้านชาวบ้านเป็นเวลา 3 วัน จนถึงวันที่ 16 เม.ย. จึงว่าจ้าง รถ จยย.รับจ้าง ให้ไปส่งที่ วัดท่าโพธิ์ ใน ตลาดหลังสวน แต่ ถูกแม่ชี ไล่ไม่ให้อาศัยอยู่อีก จึงเดินออกมา ถึงหน้าร้าน “ผึ้งซาลอน” จะมีอาการเป็นลม และไม่รู้จะไปไหน จนกระทั่งมาพบสองสามีภรรยา เจ้าของร้านใจดี ให้พักอาศัย 1 คืน และนำมาพบตำรวจในวันนี้

ซึ่งตำรวจพยายามติดต่อ เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ชุมพร เพื่อให้มารับตัว นางฝ้ายไปให้ความช่วยเหลือ มีนายสมพร สันทัด ผอ.ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.ชุมพร เดินทางมารับตัวไปให้การช่วยเหลือต่อไป

ที่มาจาก ข่าวสด