เด็กติดทีวีส่งผลต่อพัฒนาการอย่างไร แม่ควรรู้!!!

25 July 2014
17437 view

เด็กติดทีวี

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ เด็กติดทีวี

สำหรับอายุที่เหมาะสมสามารถให้ดูทีวีได้คือ มากกว่า 2 ปีขึ้นไป แต่มีข้อจำกัดของเวลาในการดูต้องไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง ถ้าเป็นไปได้คุณพ่อคุณแม่อาจจะค้านในใจ เอ๊ะ!! ลูกฉันไม่เห็นเป็นเลย ปกติทุกอย่าง การดูทีวีก่อนอายุ 2 ปี ไม่ส่งผลต่อเด็กบางคน แต่อาจส่งผลต่อเด็กบางราย มากน้อยแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะไม่โชดดีเสมอไปทุกคน ควรป้องกันไว้ดีที่สุดค่ะ  สิ่งที่ทางการแพทย์ ตรวจพบได้ชัดเจนว่า ทีวีมีผลต่อพัฒนาการเด็กดังต่อไปนี้ค่ะ

เด็กติดทีวีส่งผลต่อพัฒนาการอย่างไร

  1. ส่งผลต่อพัฒนาการทางด้านการพูด  เด็กนั่งจ้องทีวี ขาดการติดต่อสื่อสาร พูดน้อยลง ฟังอย่างเดียว ไม่มีการตอบโต้ ทำให้พัฒนาการด้านการพูดหยุกชะงัก
  2. เด็กจะขาดทักษะในการหาทางออก ในเวลาที่เกิดความเบื่อหน่าย ไม่สบายใจ หงุดหงิด แทนที่จะใช้เวลาว่างไปกับการทำอย่างอื่นที่มีประโยชน์ ทำให้ขาดความคิดริเริ่มและสร้างสรร หรือเมื่อมีปัญหาคับข้องใจ ก็จะใช้วิธีดูทีวีเพื่อฆ่าเวลาหรือลืมปัญหาที่เกิดขึ้น แม้เป็นการชั่วคราวก็ยังดี
  3. การไม่ได้ออกไปวิ่งเล่น ขี่จักรยาน ทำให้ขาดทักษะด้านการเคลื่อนไหว ไม่ได้ออกกำลังกาย ทำให้เป็นคนงุ่มง่าม อ่อนแอติดโรคง่าย
  4. เป็นโรคอ้วนเนื่องจากการนั่งอยู่หน้าจอทีวีมีการใช้พลังงานน้อยมาก ประกอบกับอาจทานขนมขบเคี้ยวขณะดูทีวี อยากทานขนมหรืออยากได้ของเล่นที่อยู่ในโฆษณา ทำให้มีปัญหาไม่กินข้าว เพราะอิ่มขนมที่ไม่มีประโยชน์ สิ้นเปลืองเงินทอง
  5. เด็กจะเลียนแบบและซึมซับสิ่งที่เห็นจากทีวีทำให้เกิดพฤติกรรมไม่ดีตามมา เช่น ความก้าวร้าว บางครั้งเลียนแบบฮีโร่ซึ่งมีความสามารถพิเศษเช่นเหาะได้ ทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต ดังนั้นผู้ปกครองต้องคอยอธิบาย อย่าให้นั่งดูอยู่คนเดียว
  6. หากดูรายการที่น่ากลัวก็อาจเก็บไปฝันร้ายได้
  7. บางคนใช้ทีวีเลี้ยงลูก เปิดรายการเด็กให้ดูตลอดทั้งวันเพราะคิดว่าไม่มีพิษภัย จริงอยู่ว่า ตอนนี้เราเลือกโปรแกรมให้ลูกได้ แต่อีกหน่อยเขาใช้รีโมทเป็น เด็กก็จะเลือกเปิดดูเลือกรายการเองได้ ยิ่งถ้ามีทีวีในห้องส่วนตัวของเด็ก ยิ่งอันตราย ทางที่ดีอย่าให้ลูกติดทีวีตั้งแต่ต้น สอนให้เขารู้ว่าเราอยู่กันอย่างสงบๆเงียบๆ นั่งอ่านหนังสือ ฟังเพลง ล้อมวงกันเล่านิทาน ก็มีความสุขได้โดยไม่ต้องใช้ทีวี
  8. มีค่านิยมที่ผิด เช่น ต้องหน้าตาดี หุ่นผอมบางแบบนางแบบจึงจะสวย ไม่ให้ความสำคัญกับคุณค่าทางจิตใจ เนื่องจากทีวีไม่สามารถนำเสนอความเป็นจริงได้ทั้งหมด
  9. มีปัญหาพฤติกรรมผิดปกติ คล้ายเด็กไฮเปอร์สมาธิสั้น คล้ายเด็กออทิสติก หมอเคยพบเด็กอายุ 3 ขวบมาด้วยเรื่องไม่พูด ไม่สบตา ชอบเล่นคนเดียว คุณแม่ไม่แน่ใจว่าลูกเป็นออทิสติกหรือไม่ แต่พอพบจิตแพทย์เด็ก คุณหมอยังไม่ฟันธงว่าเป็นอะไร แต่บอกให้ที่บ้านปิดทีวี เพราะเด็กดูทีวีตั้งแต่ตื่นจนเข้านอนเลย ผู้ใหญ่ก็ต้องยอมอดดูไปด้วย (ผลพลอยได้คือผู้ใหญ่ก็รู้สึกได้รับการปลดปล่อยพันธนาการจากทีวีด้วย ทำให้มีเวลาทำอย่างอื่นเพิ่มขึ้น เช่นไปเดินเล่น หรือปิ๊กนิคกัน) ผลคือลูกสบตาและพูดคุยกับคนอื่นมากขึ้นภายใน 2 วัน
  10. การจะให้ลูกเลิกดูทีวี คือ ต้องใจแข็งค่ะ ลูกโวยวายก็อย่าตามใจ ถ้าร้องไห้หนวกหู ก็หาอะไรอุดหูไว้ อาจบอกว่าทีวีเสียหรือสัญญาณล่ม หรือเครื่องเล่นแผ่นซีดีพัง แล้วหากิจกรรมอื่นให้ลูกทำ อย่าให้เขาว่าง เพราะจะคิดถึงทีวีมากขึ้น เวลาผ่านไป 2-3 อาทิตย์ ค่อยเปิดทีวีได้ แต่อธิบายว่า ต่อไปนี้ไม่มีการดูเกินวันละ 1 ชม.และเลือกโปรแกรมที่ดีเท่านั้น ไม่ให้ดูประเภทต่อสู้ ถึงเวลานี้เขาก็เริ่มชินกับการไม่มีทีวีและรู้จักใช้เวลาในการทำกิจกรรมอื่นที่สร้างสรรมากขึ้น บอกลูกถึงข้อเสียของการดูทีวี พูดไปเถอะค่ะ ไม่เข้าใจตอนนี้ก็ไม่เป็นไร ที่สำคัญคือ พ่อแม่ต้องเป็นตัวอย่างที่ดี ไม่ควรดูทีวีเยอะเช่นกัน

สำหรับใครที่ให้ลูกดูทีวีที่เป็นสื่อการสอนอยู่ แล้วพบว่าลูกเรียนรู้ได้เยอะ ก็ต้องระวังนะคะ เพราะการเรียนรู้ผ่านทีวี ไอแพด ไอโฟน เป็นการเร้าที่ค่อนข้างมาก จึงทำให้เด็กสนใจจดจ่อได้นาน ถ้าเมื่อไรที่ลูกจะต้องเรียนรู้ผ่านสื่อที่ไม่เร้าแรงเท่าทีวี เช่น การอ่านหนังสือนิทาน หนังสือเรียน หนังสือสารานุกรมสำหรับเด็ก หรือ เวลาครูสอนในห้องเรียน จะไม่เร้าใจ ก็จะรู้สึกเบื่อ ไม่อยากเรียน ไม่มีสมาธิจดจ่อกับกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิ กลายเป็นเด็กเรียนหนังสือไม่เก่งได้ค่ะ

 บทความแนะนำสำหรับคุณแม่

1. เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ให้ติดจอ

2. ผลกระทบของการดูโทรทัศน์ต่อพัฒนาการเด็ก

3. อิทธิพลของทีวีที่มีต่อลูกรักของคุณ

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team