ยาสีฟันสำหรับเด็ก
.
.
ทันตแพทย์ แนะนำให้เด็กทุกคนดูแลรักษาฟัน ด้วยการแปรงฟันเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุและโรคเหงือก สำหรับการดูแลฟันเด็กนั้น มีวิธีการเลือกซื้อยาสีฟันสำหรับเด็กอย่างไรนั้นถึงจะปลอดภัย และยาสีฟันยี่ห้อไหนที่ดีที่สุด วันนี้เรามีคำตอบมาฝากกัน
หลักการเลือก ยาสีฟันสำหรับเด็ก
เมื่อคุณแม่ต้องเลือกซื้อยาสีฟันสำหรับเด็ก มีสิ่งที่ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
1. เลือกซื้อยาสีฟันสำหรับเด็กที่กลืนได้
สำหรับเด็กที่ยังบังคับการกลืนไม่ได้ หรือยังไม่รู้จักวิธีการบ้วนปาก ควรใช้ยาสีฟันเด็กที่ระบุว่ากลืนได้ เพื่อความปลอดภัยต่อตัวเด็กเองที่อาจเผลอกลืนยาสีฟันเข้าไป
2. เลือกซื้อยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ 1000 ppm
ฟลูออไรด์มีความสำคัญสำหรับฟัน เพราะช่วยทำให้โครงสร้างฟัน และผิวเคลือบฟันแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยยับยั้งการเกิดคราบพลัคหรือขี้ฟัน จึงช่วยป้องกันการเกิดฟันผุได้ แต่ควรใช้ยาสีฟันในปริมาณที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงวัย เช่นวัย 3 เดือนถึง 3 ปี ควรใช้ยาสีฟันในปริมาณไม่เกินขนาดเม็ดข้าว และในเด็กที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไป ใช้ยาสีฟันในปริมาณขนาดเม็ดถั่วเขียว เป็นต้น
3. เลือกยาสีฟันที่มีผงขัดละเอียด
ผงขัดฟันในยาสีฟัน มีไว้เพื่อช่วยกำจัดคราบและเศษอาหารออกจากผิวฟัน แต่โดยปกติแล้ว เด็กไม่ได้ทานอาหารเยอะเหมือนผู้ใหญ่ และผิวเคลือบฟันกว่าน้อยกว่าของผู้ใหญ่ด้วย ดังนั้นการใช้สารขัดฟันที่หยาบมาขัดฟัน อาจทำให้ฟันน้ำนมเกิดการสึกกร่อนได้ จึงควรเลือกยาสีฟันสำหรับเด็กประเภทเจล สำหรับเด็ก 1-3 ปี เพราะมีขนาดผงขัดที่ละเอียดกว่ายาสีฟันแบบเนื้อครีม ซึ่งเหมาะกับเด็กวัยตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปมากกว่า
4. เลือกยาสีฟันที่เป็นออร์แกนิค
คุณแม่ควรให้ลูกใช้ยาสีฟันสำหรับเด็กที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีอันตราย ไม่ใส่สารแต่งสีและกลิ่น หรือวัตถุกันเสีย เพื่อป้องกันอาการแพ้ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ควรเลือกยาสีฟันที่ไม่มีน้ำตาล เพราะความหวานอาจเป็นสาเหตุทำให้เด็กฟันผุได้
5. เลือกยาสีฟันที่มีฟองน้อย
สารที่ทำให้เกิดฟอง ได้แก่สารโซเดียมลอริลซัลเฟต แม้ว่าจะมีประโยชน์การขจัดคราบที่สะสมบนผิวฟัน แต่ก็มีโทษ เพราะจะไปจำกัดการดูดซึมฟลูออไรด์ และเด็กบางคนอาจเกิดอาการแพ้ขึ้นได้ ดังนั้นการเลือกยาสีฟันที่มีฟองน้อยจึงดีกว่า และยังลดโอกาสที่เด็กจะกลืนยาสีฟันลงไปด้วย
6. เลือกตามความชอบของเด็ก
เนื่องจากในท้องตลาด มียาสีฟันเด็กอยู่หลายยี่ห้อให้เลือก ถ้าเด็กๆได้เลือกรสชาติที่ชอบก็จะกระตุ้นให้เด็กอยากแปรงสีฟันมากขึ้น เพียงแค่คุณแม่ต้องระวังไม่ให้ลูกกลืนยาสีฟันเข้าไป เพราะอาจเกิดการสะสมระยะยาว ทำให้เกิดปัญหาฟันตกกระได้เมื่อฟันแท้ขึ้น
5 ยาสีฟันเด็ก ยี่ห้อไหนดีในปี 2022
ยาสีฟันสำหรับเด็กยี่ห้อไหน ที่ดีที่สุดมาดูกัน
1. ยาสีฟัน KODOMO รุ่น Ultra Shield
ยาสีฟันยอดนิยมของ KODOMO มีลักษณะเป็นเนื้อเจลใส รสผลไม้ มีกลิ่นหอม ปราศจากน้ำตาล มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ปริมาณ 1,000 ppm จึงป้องกันฟันผุได้ดี เหมาะสำหรับเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 3 ขวบ โดยเด็กที่อายุต่ำกว่า 3 ปี ควรใช้ยาสีฟันในปริมาณน้อย แต่ถ้าช่วงอายุ 3 - 6 ปี ให้ใช้ปริมาณเท่าเมล็ดถั่วเขียว
2. ยาสีฟัน Pigeon ยาสีฟันเจลสำหรับเด็ก
ยาสีฟันเจลเนื้อข้น ให้ฟองน้อย มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ 1000 ppm จึงช่วยป้องกันฟันผุได้อย่างดี นอกจากนี้ คุณแม่ยังมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เพราะได้รับการรับรองว่าเป็น Food Grade อีกทั้งยังไม่มีสารทำความสะอาดอย่าง SLS และ SLES ที่อาจทำให้ลูกน้อยเกิดอาการระคายเคือง เหมาะสำหรับเด็กวัย 1 ปี ขึ้นไป
3. ยาสีฟัน Lamoon Baby ยาสีฟันออร์แกนิค
ยาสีฟันออร์แกนิค ที่ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ และได้รับการรับรองมาตรฐาน Food Grade จึงปลอดภัย และแม้จะไม่มีฟลูออไรด์ แต่ก็มั่นใจได้ว่าปากและฟันของลูกจะสะอาด เพราะมีคาโมบายล์และสารสกัดจากชาเขียว นอกจากนี้ยาสีฟันยังให้กลิ่นแอปเปิ้ลหอมสดชื่น ทำให้เด็กๆต่างพากันติดใจ
4. ยาสีฟัน KINDEE ยาสีฟันออร์แกนิค
ยาสีฟันออร์แกนิคยี่ห้อของคนไทย มาในรูปเนื้อเจล โดยผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ 100% ไม่มีสารขัดฟัน สารก่อฟอง สารกันบูดจึงอ่อนโยนและปลอดภัยสำหรับลูกน้อย แต่มีฟลูออไรด์เข้มข้น 500ppm ที่ช่วยทำให้ฟันแข็งแรงและยังช่วยป้องกันฟันผุ และใช้สารแทนน้ำตาลอย่างไซลิทอล ทำให้ไม่ต้องกังวลถ้าลูกกลืนยาสีฟัน
5. ยาสีฟัน Colgate รสมิ้นท์ตี้เจล มินเนี่ยน
ยาสีฟันแบบเจล ที่มาพร้อมตัวการ์ตูนมินเนี่ยน มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ที่ช่วยป้องกันฟันผุ และเคลือบผิวฟันให้แข็งแรง แต่อาจมีรสชาติที่เผ็ดเกินไปสำหรับเด็กเล็ก จึงเหมาะสำหรับเด็กอายุ 2-6 ปี ขึ้นไป
คุณแม่สามารถเปิดโอกาสให้ลูกช่วยเลือกยาสีฟันสำหรับเด็กที่เขาชอบได้ เพราะจะช่วยให้ลูกรู้สึกอยากแปรงฟันทุกวันมากขึ้น และควรเลือกยาสีฟันที่ปลอดภัยไม่ส่งผลเสียระยะยาวกับฟันแท้ของลูก นอกจากนี้ควรหมั่นพาลูกไปพบทันตแพทย์ทุก 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพฟัน
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1. ลูกกินยาสีฟันอันตรายไหม ? แก้อย่างไรดี !!!
2. ยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ สำหรับเด็ก มีผลเสียหรือไม่ ? แม่ต้องรู้
3. วิธีแปรงฟัน ให้ลูกอย่างถูกต้อง ทำความสะอาดหมดจด ป้องกันฟันผุได้ดี
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team