ข่าวคราวของปัญหาพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยง มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังคงมีเรื่องราวลักษณะนี้ให้เห็นอยู่ เช่นเดียวกับข่าวนี้ รายละเอียดเพิ่มเติมเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลยค่ะ

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2562 Fackbook Fanpage : มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ได้โพสต์แชร์เรื่องราวของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ หลังมีคนร้องเรียนให้เข้ามาช่วยเหลือเด็กหญิงคนดังกล่าว ในโพสต์ระบุว่า ”พลเมืองดีสุดทนร้อง “ปวีณา” พ่อเลี้ยงทำร้ายร่างกายเด็กหญิง 8 ขวบ ด่าทอรุนแรงใช้งานเยี่ยงทาส ส่วนแม่กล้ำกลืนฝืนทนไม่กล้าเข้าช่วยลูกเพราะกลัวถูกทำร้ายร่างกายไปด้วยอีกคน

วันอังคารที่ 21 พ.ค.62 พลเมืองดีแจ้งขอความช่วยเหลือเด็กหญิง 8 ขวบ อาศัยอยู่กับแม่และพ่อเลี้ยง ในพื้นที่ ต.กุดสระ อ.เมือง จ.อุดรธานี มีฐานะยากจน พ่อเลี้ยงไม่ทำงานอะไรเป็นหลักแหล่งแต่จะพาแม่เด็กไปทำงานรับจ้างหาเงินเพื่อนำไปซื้อเหล้ากินไปวันๆ และพ่อเลี้ยงมักจะทำร้ายทุบตี ดุด่าเด็กหญิงรุนแรงเป็นประจำ ซึ่งแม่เด็กเองก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยเพราะกลัวจะถูกทำร้ายไปด้วย อีกทั้งเด็กก็ไม่ได้เรียนหนังสือเหมือนเด็กคนอื่น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เด็กอาศัยอยู่กับยายที่ต่างอำเภอ แต่แม่กลับไปรับตัวมาเพื่อให้ช่วยทำงานหาเงินเมื่อประมาณ เดือนก.พ.ที่ผ่านมา โดยเกรงว่าเด็กหญิงอาจจะเป็นอันตรายมากกว่านี้ ขอมูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือด้วย

หลังรับเรื่อง นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.ท.สิทธิพงษ์ ปัญจนะ รอง ผกก.สอบสวน สภ.นาข่า อ.เมืองจ.อุดรธานี และนางเยาวพรรณ แช่มพุดซา หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุดรธานี ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาข่า และเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ อุดรธานี ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือเด็กหญิง 8 ขวบ

จากการตรวจสอบบ้านของเด็กหญิง 8 ขวบ พบเป็นกระท่อมหลังเล็กๆ อาศัยอยู่ในพื้นที่ของชาวบ้านซึ่งสงสารให้ความช่วยเหลือ โดยทั้ง 3 คน พ่อเลี้ยง แม่ และเด็กหญิง 8 ขวบ นอนอยู่รวมกัน สภาพทรุดโทรม เมื่อตรวจดูร่างกายเด็กหญิงเบื้องต้นไม่พบบาดแผล หรือรอยฟกช้ำตามร่างกาย โดยเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ อุดรธานี นักจิตวิทยา ประเมินแล้วเห็นว่าสภาพไม่เหมาะสมที่เด็กหญิงจะอาศัยอยู่ จึงได้รับตัวเข้าคุ้มครองที่บ้านพักเด็กฯ อุดรธานีชั่วคราว พร้อมพาเข้ารับการศึกษาที่โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ซึ่งได้รับความยินยอมจากผู้เป็นแม่ ซึ่งหลังจากนี้ทางมูลนิธิปวีณาฯ จะติดตามให้ความช่วยเหลือต่อไป”

กรณีดังกล่าวตอกย้ำว่าความรุนแรงไม่เคยลดลง แม้แต่ในสถาบันครอบครัวเองก็ตาม อย่างที่บอกว่าเป็นเรื่องราวของพ่อเลี้ยง ลูกเลี้ยง ตัวแม่เองก็ไม่กล้าหืออือ กลัวจะถูกทำร้ายไปอีกคน และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นเด็กหญิงคนนี้ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ต้องมาทำงานรับจ้างหาเงินช่วยพ่อเลี้ยง กับแม่ แต่หลังจากนี้เด็กหญิงได้รับความช่วยเหลือจากบ้านพักเด็กแล้ว สภาพจิตใจและโอกาสในเรียนของน้องจะดีขึ้น Mamaexpert ขอเป็นกำลังใจให้ และฝากความห่วงใยถึงทุกครอบครัว กับการใช้ความรุนแรงในครอบครัวมีแต่ทำร้ายกัน ไม่ว่าจิตใจหรือร่างกาย

เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี