เด็กเป็นไข้เลือดออก
เด็กเป็นไข้เลือดออกในปัจจุบันนี้ เป็นเรื่องที่ทางการแพทย์ให้ความสำคัญมาก แต่พ่อแม่บางคนยังขาดข้อมูลที่ชัดเจน เข้าใจว่าลูกเป็นไข้ธรรมดา แต่รู้ไหมคะว่าการเข้าใจแบบนั้นทำให้เกิดผลเสียต่อลูก เพราะถ้าเด็กเป็นไข้เลือดออกโดยที่พ่อแม่ไม่รู้เลยว่าลูกเป็นไข้เลือดออก ไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธีอาจทำให้ชีวิตเชียวนะคะ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น มาค่ะ Mamaexpert จะพาคุณพ่อคุณแม่ไปดูกันว่าไข้เลือดออกน่ากลัวแค่ไหน เริ่มจากสถิติเด็กเป็นไข้เลือดออก
เด็กเป็นไข้เลือดออก ยอดพุ่งมาก รู้กันหรือยังคะ?
เด็กเป็นไข้เลือดออก เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องให้ความสำคัญและเฝ้าระวังให้มาก เพราะข้อมูลจากกรมควบคุมโรค ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม - 2 เมษายน 2562 พบเด็กอายุ 0-4 ปี(1) ป่วยเป็นไข้เลือดออกและมีจำนวนเพิ่มขึ้น ดังตารางต่อไปนี้
เห็นแล้วใช่ไหมคะว่าเด็กเป็นไข้เลือดออกในช่วงอายุ 0-4 ปี เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน พ่อแม่ยังชะล่าใจกันอยู่หรอคะ เพราะหากเด็กเป็นไข้เลือดออกจะเกิดอันตรายอย่างไร มาดูกันค่ะ
เด็กเป็นไข้เลือดออก อันตรายมากแม่ต้องรู้ !!
เด็กเป็นไข้เลือดออก เกิดอันตรายต่อร่างกายของเด็กอย่างมาก ซึ่งจะมีอาการอันตรายของไข้เลือดออกทั้ง 3 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 : ระยะไข้สูง ในระยะนี้ใช้เวลา 4-7 วัน ถ้าอาการไม่รุนแรง ไข้ก็จะค่อยๆ ลดลง และเด็กจะแจ่มใสขึ้น บางรายมีไข้สูงตลอดเวลา (39-40 องศาเซลเซียส) อาจปวดใต้ลิ้นปี่ หรือชายโครงขวา หน้าแดง ตาแดง เจ็บคอ ไอ ปวดศีรษะ กระหายน้ำ ซึม และเบื่ออาหาร
ระยะที่ 2 : ระยะช็อค ประมาณวันที่ 3-7 ของโรคจะมีเลือดออกจุดแดงๆ เหมือนมีเลือดออกตามผิวหนัง เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามไรฟัน อาเจียนเป็นเลือด เกิดขึ้นในช่วงไข้ลด กดเจ็บเล็กน้อยตรงใต้ชายโครงขวา ปวดท้องมากขึ้น ตัวเย็น ซึม เหงื่อออกตามตัว ปัสสวะน้อย หงุดหงิด อุจจาระมีสีดำ ในรายที่เกิดอาการรุนแรงจะมีความดันโลหิตต่ำ ช็อคและอาจเสียชีวิตได้ ใน 1-2 วัน ถ้ามาพบแพทย์ทันก็จะอาการดีขึ้น
ระยะที่ 3 : ระยะฟื้นตัว ตลอดระยะเวลาของโรคมักไม่เกิน 9 วัน ถ้าอาการไม่รุนแรงประมาณ 3 - 4 วัน จะเริ่มดีขึ้นเด็กรู้สึกอยากอาหารร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วจนเข้าสู่สภาวะปกติ บางรายมีผื่นแดงคันขึ้นตามแขนขา อาการผู้ป่วยจะดีขึ้นได้เอง
จากอันตรายทั้ง 3 ระยะ ที่บอกไปแล้ว หากลูกเป็นไข้เลือดออกหรือมีอาการน่าสงสัยให้ดูแลตามนี้ค่ะ
เด็กเป็นไข้เลือดออก พ่อแม่ต้องดูแลตามนี้
1. หากพ่อแม่สงสัยว่าเด็กเป็นไข้เลือดออก ควรพาไปพบแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัย และตรวจรักษา
2. หากลูกมีไข้ แม่ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวย้อนรูขุมขนเพื่อลดไข้ ใช้ยาพาราเซตามอล โดยให้ทานห่างกันอย่างน้อยทุก 4 ชั่วโมง และที่สำคัญห้ามใช้ยาลดไข้ประเภทแอสไพรินเด็ดขาด เพราะยาจะส่งผลให้เกล็ดเลือดทำงานผิดปกติและทำให้เลือดออกได้ง่าย
3. เมื่อเด็กมีไข้สูง จะรู้สึกเบื่ออาหารและอาเจียน ทำให้ร่างกายขาดน้ำปริมาณมาก พ่อแม่ควรให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ น้ำเปล่าหรือน้ำที่มีส่วนผสมของวิตามินซี เช่น น้ำฝรั่ง น้ำส้ม น้ำมะนาว เป็นต้น หากมีอาการอาเจียนมากจนดื่มน้ำในปริมาณมากไม่ได้ แนะนำให้จิบทีละน้อย
4. อาหารที่เด็กเป็นไข้เลือดออกควรทาน ต้องเป็นอาหารอ่อน เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ซุป เป็นต้น งดอาหารที่มีสีเหมือนหรือคล้ายเลือด เพราะถ้าอาเจียนจะแยกไม่ได้ว่าเป็นอาหารที่ทานเข้าไปหรือเป็นเลือดจากไข้เลือดออก
5. หากเด็กมีอาการ เจ็บบริเวณลิ้นปี่ หรือปวดยอดอก มีเลือดออก อาเจียน มีอาการซึมมากขึ้น รับประทานอาหารไม่ได้ รวมทั้งมีอาการช็อค พ่อแม่ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลเข้ารับการรักษาจากแพทย์โดยด่วน เพื่อป้องภาวะแทรกซ้อน และช่วยชีวิตได้ทัน
ถึงแม้ไข้เลือดออกจะรักษาได้ พ่อแม่ก็ไม่ควรปล่อยเด็กเป็นไข้เลือดออก รู้อย่างนี้แล้วควรหาวิธีป้องกัน เพื่อตัดไฟแต่ต้นลมด้วยวิธีง่ายๆ ตามหัวข้อถัดไปได้เลยค่ะ
เด็กเป็นไข้เลือดออก ต้องป้องกันอย่างไร
1. ห้ามให้ยุงลายกัดลูก พ่อแม่ต้องระวังโดยเฉพาะตอนกลางวัน ควรให้ลูกเล่นในบริเวณที่มีแสงสว่างส่องถึง หรือก้างมุ่งให้เด็กเวลานอน
2. ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย โดยปกติแล้วยุงลายจะวางไข่ในน้ำขัง และน้ำนิ่งในที่ต่างๆ ดังนั้น ห้ามให้น้ำขังเป็นอันขาด ควรปิดฝาภาชนะเก็บน้ำ และทำลายภาชนะต่างๆ ที่เป็นแหล่งน้ำขัง หรือใช้ทรายอะเบท, เกลือ หรือน้ำส้มสายชู ใส่ในภาชนะรองขาตู้กับข้าว เพื่อทำลายลูกน้ำยุงลาย หรือปฏิบัติตาม หลัก 3 ป ปิด เปลี่ยน ปล่อย ดังนี้
ป.ที่ 1 ปิด ปิดฝาภาชนะเก็บน้ำให้มิดชิด ปิดฝาถังขยะให้มิดชิด
ป.ที่ 2 เปลี่ยน เปลี่ยนน้ำในภาชนะทุก 7 วัน เช่น เปลี่ยนน้ำในตุ่ม เปลี่ยนน้ำที่รองขาตู้กับข้าว
ป.ที่ 3 ปล่อย ปล่อยปลาที่กินลูกน้ำเป็นอาหาร เช่น ปลาหางนกยุง ปลาสอด
รู้กันแล้วใช่ไหมคะเด็กเป็นไข้เลือดออกน่ากลัวมากแค่ไหน แต่เราสามารถป้องกันได้ตามวิธีข้างต้น มาค่ะคุณพ่อคุณแม่ มาเป็นส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง และป้องกันไม่ให้เด็กเป็นไข้เลือดออกกันดีกว่า ลูกจะได้ห่างไกลจากไข้เลือดออก มีสุขภาพแข็งแรง ด้วยความห่วงใยจาก Mamaexpert ค่ะ
บทความแนะนำเพิ่มเติม
1. ระวัง!!! ไข้เลือดออก คร่าชีวิตหนูน้อยวัย 6 ขวบ
2. ไข้เลือดออกและ 27 ข้อควรรู้เกี่ยวกับไข้เลือดออก
3. สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย จัดให้วัคซีนป้องกันไข้เลือดออก เป็นวัคซีนเสริมของไทย
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
อ้างอิง:
1. กรมควบคุมโรค.สถานการณ์ไข้เลือดออกรายสัปดาห์. เข้าถึงได้จาก.https://ddc.moph.go.th. [ค้นคว้าเมื่อ 9 เมษายน 2562]
2. กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ.มารู้จัก “ไข้เลือดออก” ภัยร้ายที่อยู่ใกล้ตัว ตอนที่ 2. เข้าถึงได้จาก. http://www.si.mahidol.ac.th. [ค้นคว้าเมื่อ 11 เมษายน 2562]
3. พูนสุข ช่วยทอง, บรรเทิง สุพรรณ์ และเปรมวดี คฤหเดช.การมีส่วนร่วมของประชาชนในการป้องกันและควบคุม โรคไข้เลือดออก จังหวัดศรีสะเกษ.เข้าถึงได้จาก. http://www.kcn.ac.th .[ค้นคว้าเมื่อ 11 เมษายน 2562]
4. โรงพยาบาลสินแพทย์.อันตราย โรคไข้เลือดออก. เข้าถึงได้จาก.https://www.synphaet.co.th .[ค้นคว้าเมื่อ 10 เมษายน 2562]