เด็กๆยุคปัจจุบัน โตมาพร้อมกับเทคโนโลยีรายล้อมด้วยสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ในชีวิตประจำวันของเด็กๆ มีสิ่งเหล่านี้เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่หลายบ้านมีความเห็นว่า เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงยาก ปัจจุบันพบว่าเด็กไทยมีพฤติกรรมติดสมาร์ทโฟน และใช้เวลาอยู่กับสมาร์ทโฟนหลายชั่วโมงต่อวัน คุณพ่อคุณแม่ทราบหรือไม่ ความสนุกแบบไม่จำกัดนั้นส่งผลร้ายต่อลูกรักของคุณมากแค่ไหน Mama expert นำข้อมูลดีๆ มาฝาก มาเตือน เพื่อให้ทุกบ้านตระหนักระมัดระวังการเล่นสมาร์ทโฟนของลูกมากขึ้นดังนี้
อันตรายจากสมาร์ทโฟน ต่อสุขภาพลูกรัก
กุมารแพทย์แนะนำคุณพ่อคุณแม่ยุคปัจจุบันไม่ควรให้ลูกอายุต่ำกว่า 3 ขวบ เล่นสมาร์ทโฟน เพราะส่งผลร้ายต่อสุขภาพของลูกหลายด้าน ที่พ่อแม่อาจคาดไม่ถึง ดังนี้
- นิ้วล็อค กล้ามเนื้อบริเวณบ่าและคอตึง เกร็ง หากคุณพ่อคุณแม่ไม่จำกัดเวลาในการเล่น ปล่อยให้ลูกรักอยู่กับสมาร์ทโฟนทั้งวันอาจทำให้ลูกมีปัญหาบริเวณกล้ามเนื้อนิ้วมือได้
- เสี่ยงติดเชื้อโรคร้าย ภูมิคุ้มกันในเด็กต่ำอยู่แล้ว การสัมผัสหน้าจอนานๆ บ่อยครั้งในหนึ่งวัน ทำให้เชื้อโรคติดมากับมือของลูกได้ หลังเล่นสมาร์ทโฟน จึงต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง
- ป่วยด้วยโรคทางตา แสงสีน้ำเงินจากหน้าจอ (Blue Light) เป็นหนึ่งในแสงที่ทะลุทะลวงได้ถึงจอประสาทตา มีพลังทำลายกระจกตาหรือจอประสาทตาได้มากกว่าแสงชนิดอื่น เด็กๆจึงไม่ควรจดจ่ออยู่กับหน้าจอเกิน 2 ชั่วโมงเด็กที่จ้องหน้าจอนานๆคุณแม่จะสังเกตพบว่า จะมีอาการน้ำตาไหล ตาแดง ตาบวม อย่างนิ่งนอนใจ ควรรีบปรึกษาจักษุแพทย์
- พัฒนาการล่าช้า โดยเฉพาะพัฒนาการทางด้านการสื่อสาร ลูกรักวัยแรกเกิด-3ขวบ เป็นวัยที่เรียนรู้ภาษาจากการอ่านปาก และฟังเสียง การให้ลูกเล่นสมาร์ทโฟน ลูกจะใช้เพียงแค่นิ้วมือในการวาดหรือกดที่หน้าจอเท่านั้น แต่สมองของลูกไม่ได้จัดลำดับการเรียนรู้ ซึ่งในเด็กไทยพบว่า ในเด็กกลุ่มพัฒนาการช้า 50% เด็กมีความบกพร่องทางภาษา
- ลูกนอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สนิท ซึ่งเกิดจากแสงสีน้ำเงินจากหน้าจอมีส่วนสัมพันธ์กับการสร้างเมลาโตนิน (Melatonin) ซึ่งเป็นโฮร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับของลูก การสัมผัสกับแสงสีน้ำเงินนานๆ ส่งผลให้การหลั่ง เมลาโตนินน้อยลง ทำให้ลูกนอนหลับยาก หลับไม่สนิท หรือหลับได้เพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น ซึ่งคุณแม่ทุกบ้านต่างทราบกันดีอยู่แล้วว่า การนอนอย่างเพียงพอช่วยให้ลูกเจริญเติบโตสมวัย
อันตรายจากจอสมาร์ทโฟน รวมถึงแท็บเล็ต เป็นสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องตระหนักอยู่เสมอ ไม่ควรให้ลูกวัยต่ำกว่า 3 ขวบ เล่นสมาร์ทโฟน สำหรับบางบ้านที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจต้องใช้สามาร์ทโฟนเพื่อการเรียนรู้บางอย่าง ควรมีการจัดระเบียบเรื่องเวลาอย่างเหมาะสม รวมถึงส่งเสริมสุขภาพลูกรักในด้านอื่นๆเพิ่มเติมด้วย ได้แก่ การพักผ่อนอย่างเพียงพอ จำกัดเวลาที่แน่นอน ดูแลให้ลูกรักได้รับสารอาหารบำรุงสมองและสายตาเป็นประจำ อย่างนมแพะ ซึ่งมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงสมองและสายตา ได้แก่ ทอรีน โอเมก้า 3,6,9 DHA และ ARA นมแพะมีระบบการสร้างน้ำนมแบบ อะโพไคร์น (Apocrine) ซึ่งแตกต่างจากนมทั่วๆไป เพราะมีสารอาหารจากธรรมชาติที่หลุดออกมาพร้อมกับน้ำนมในปริมาณสูง ที่เรีกยว่า ไบโอแอคทีฟ คอมโพเนนท์ (Bioactive Components) ประกอบด้วย สารอาหารสำคัญ อย่างนิวคลีโอไทด์ โพลีเอมีนส์ โกรทแฟคเตอร์ และทอรีน นมแพะยังมีโปรตีนที่ย่อยและดูดซึมได้ง่าย ช่วยให้ลูกรักเติบโตอย่างแข็งแรง อีกทั้งในนมแพะยังมีพรีไบโอติก (Prebiotics) ชนิด Oligosaccharide (Inulin&Oligofructose) ใยอาหารสำคัญที่ช่วยส่งเสริมระบบการขับถ่าย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน พร้อมด้วยสารอาหารสำคัญ เพื่อพัฒนาสมองและการเรียนรู้สอดคล้องกับความต้องการของคุณแม่ยุคไอที สารอาหารที่ลูกต้องการได้แก่
การเลี้ยงลูกควบคู่ไปกับเทคโนโลยี ต้องอยู่ในขอบเขต ทั้งในเรื่องของเวลาและเนื้อหาที่ลูกอยากดู พ่อแม่ยุคใหม่ไม่ปิดกั้นการเรียนรู้ แต่ไม่ควรละเลยเพราะหากลูกมีปัญหาสุขภาพพัฒนาการและการเรียนรู้ลูกอาจบกพร่องได้ Mama expert ส่งเสริมให้พ่อแม่เลี้ยงลูกแบบไม่ปิดกั้นและไม่ติดจอ เพราะการเรียนรู้ที่ดี ย่อมมาจากสุขภาพที่ดีควบคู่กันไป
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team