ปัญหาลูกท้องผูกพบได้ทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเด็กที่ดื่มนมผสมจะพบปัญหานี้บ่อยกว่าเด็กที่ดื่มนมแม่ การแก้ปัญหาของคุณแม่ส่วนใหญ่จะแก้ที่ปลายเหตุ ด้วยวิธีรับประทานยาหรือวิธีสวนทวารหนัก จึงทำให้เกิดปัญหาเดิมๆ ซ้ำๆ อยู่เรื่อยไป เด็กขับถ่ายไม่ปกติทุกวัน ท้องผูกเรื้อรัง ส่งผลต่อจิตใจและพฤติกรรมของเด็กอย่างไม่น่าเชื่อ เด็กที่มีอาการท้องผูกมากๆเป็นเวลานานไม่ได้รับการแก้ไข อาจทำให้เกิดผลต่อสุขภาพทั้งร่างกาย จิตใจและอารมณ์ได้ ดังนี้
- ส่งผลต่อพัฒนาการของร่างกาย เมื่อเด็กท้องผูกมากจะรับประทานอาหารไม่ค่อยได้ อาจส่งผลให้เด็กมีน้ำหนักตัวน้อย ตัวเล็ก และขาดสารอาหารได้
- ส่งผลทางด้านจิตใจและอารมณ์ ในเด็กโตบางรายที่ท้องผูกมานาน อาจมีอุจจาระเล็ดออกมาภายนอก ทำให้เปื้อนติดกางเกงและมีกลิ่นเหม็น ซึ่งอาจทำให้เด็กรู้สึกอายเพื่อนและรู้สึกมีปมด้อย หรือในกรณีของเด็กบางรายที่มีอาการปวดท้องแต่ไม่สามารถอธิบายอาการที่เป็นได้และคุณพ่อคุณแม่ก็ไม่เข้าใจ ก็อาจทำให้เด็กเกิดปัญหาทางอารมณ์ กลายเป็นเด็กหงุดหงิด ก้าวร้าวได้
การป้องปัญหาท้องผูกของลูกรักแบบฉบับคุณแม่มืออาชีพ
1.เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้นานที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้
นมแม่มีโปรตีนขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับนมชนิดอื่นๆ ง่ายต่อการย่อยและดูดซึม เด็กที่ดื่มนมแม่ล้วน จึงไม่ค่อยพบปัญหาท้องผูก คุณแม่หลายคนเข้าใจผิดว่าลูกดื่มนมแม่ล้วนไม่ถ่ายหลายวัน คืออาการท้องผูก พยายามหาวิธีให้ลูกขับถ่ายให้ได้ กรณีลูกกินนมแม่ล้วนแต่ไม่ถ่ายหลายวันไม่ได้หมายถึงลูกท้องผูกแต่อย่างใด แต่เกิดจากนมแม่ย่อยและดูดซึมง่ายจึงไม่เหลือเป็นกากให้ขับถ่ายออกมาในแต่ะวัน ไม่ถ่ายหลายวัน ไม่ได้หมายถึงลูกท้องผูก ต้องดูอาการแสดงอย่างอื่นร่วมด้วย
2.ฝึกการขับถ่ายของลูกให้เป็นเวลา
ฝึกการขับถ่ายเริ่มได้ตั้งแต่ในช่วง 2 ขวบปีแรกและควรฝึกเมื่อลูกพร้อม ให้ลองสังเกตว่าลูกมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายหรือไม่ เช่น อุจจาระแข็ง ชอบกลั้นอุจจาระ ชอบหนีไปซ่อนหรือร้องไห้ หากมีปัญหาเหล่านี้ ให้คุณพ่อคุณแม่ลองปรับเปลี่ยนอาหารที่ให้ลูกรับประทานก่อน โดยหลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้อุจจาระแข็ง เช่น ข้าวกล้อง กล้วย ช็อกโกแลต ชีส เมื่อลูกถ่ายได้ดีแล้วและไม่ต่อต้าน จึงค่อยเริ่มฝึกการขับถ่ายให้กับลูกต่อไป
3.เสริมเมนูผักและผลไม้เป็นเมนูประจำทุกวัน
เมนูอาหารสำคัญต่อการขับถ่าย การทำซุปผักและน้ำผลไม้ให้ลูกรับประทาน ช่วยให้ลูกขับถ่ายง่ายขึ้น และยังเป็นผลดีให้การฝึกขับถ่ายทำได้ง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังเป็นการฝึกให้ลูกได้ชิมรสชาติและคุ้นเคยกับกลิ่นรสของผักและผลไม้ ไม่ต่อต้านการรับประทานอาหารเหล่านี้เมื่อโตขึ้น
4.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
วัย6เดือนแรก ลูกรักอาจไม่ต้องการน้ำ เพราะในน้ำนมมีน้ำเป็นส่วนผสมในอัตราส่วนที่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายอยู่แล้ว แต่หลังจาก 6 เดือน ลูกได้รับอาหารเสริม น้ำจึงเป็นส่วนสำคัญในย่อยและการดูดซึมสารอาหารต่างๆในร่างกาย ลูกแต่ละช่วงวัยควรดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ
5.นวดกระตุ้นระบการย่อยอาหารของลูก
นวดท้องให้ลูกอย่างนุ่มนวล โดยนวดตามเข็มนาฬิกา พร้อมกับยกขาทั้งสองข้างหมุนไปมา การนวดช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ หากลำไส้เคลื่อนไหวดี การย่อยและการดูดซึมก็ดีตามไปด้วย นวดกระตุ้นการย่อยอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
นวดท้องให้ลูกอย่างนุ่มนวล โดยนวดตามเข็มนาฬิกา พร้อมกับยกขาทั้งสองข้างหมุนไปมา การนวดช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ หากลำไส้เคลื่อนไหวดี การย่อยและการดูดซึมก็ดีตามไปด้วย นวดกระตุ้นการย่อยอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
6.เลือกนมที่ย่อยง่ายสำหรับลูก
นอกจากนมแม่แล้ว พบว่า นมแพะมีคุณสมบัติเหมือนกับนมแม่ตั้งแต่ระบบการการสร้างและหลั่งน้ำนมแบบ อะโพไครน์ รวมถึงสารอาหารต่างๆจากนมแพะยังเป็นเป็นนมที่มีความเป็นธรรมชาติสูง หรือ Bioactive Components ใกล้เคียงกับนมแม่มาก นมแพะมีแอลฟา เอสวันเคซีนซึ่งย่อยยากในปริมาณที่ต่ำกว่านมวัวถึง 8 เท่า ทำให้โปรตีนของนมแพะ เกาะกันเป็นก้อนโปรตีนที่นุ่ม ทำให้ร่างกายย่อยได้ง่ายและรวดเร็วกว่า นมแพะประกอบไปด้วย ไขมันห่วงโซ่ขนาดกลาง ( MCT Oil ) ในปริมาณสูงที่ร่างกายสามารถย่อย และนำไปใช้ได้รวดเร็ว นมแพะมีปริมาณ โปรตีนก่อแพ้หรือเบต้าแลคโตกลอบบูลิน น้อยกว่าถึง 3 เท่า ที่สำคัญโปรตีนที่ได้จากน้ำนมแพะยังเป็นโปรตีนคุณภาพดี เรียกว่า CPP (casein phosphopeptide) ซึ่งเป็นโปรตีนที่นุ่ม ช่วยให้ ร่างกายดูดซึมแคลเซียม เหล็ก และ แร่ ธาตุ ต่างๆได้ดีขึ้นด้วย นมแพะนับเป็นทางเลือกที่ดี เพื่อปกป้องลูกจากปัญหาท้องผูก และยังได้สารอาหารที่ครบถ้วนในการบำรุงร่ายกายและสมองของลูก เสมือนดื่มนมแม่
เรียบเรียงโดย : Mamaexpert Editorial Team
ขอบคุณข้อมูล : www.dgsmartmom.com