Mamaexpert ได้รับการอนุญาตจากคุณ Wiroon Jintanakul คุณพ่อที่ประสบอุบัติเหตุรถค่ำพร้อมครอบครัว รอดชีวิตมาอย่างปาฏิหาริย์ มาแบ่งปันเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการใช้ คาร์ซีท เพราะลูกน้อยของคุณ Wiroon Jintanakul รอดชีวิตจากอุบัติเหตุครั้งนี้เพราะคาร์ซีท คุณพ่อได้แบ่งปันประสบการณ์ดังกล่าวผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัวไว้ดังนี้ค่ะ
บทเรียนจากประสบการณ์รถคว่ำ บทที่ 6 “car seat สำคัญไฉน?”
เคยคิดไหมว่าถ้าวันหนึ่งคุณขับรถประสบอุบัติเหตุจนทำให้ลูกน้อยๆ ของคุณได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต คุณจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?
ผมถือว่าเป็นคนที่โชคดีคนหนึ่งที่ได้รับการปลูกฝังให้เห็นความสำคัญของ car seat สำหรับเด็กๆ ทั้งจากคุณหมอประจำตัวลูกๆ พี่สาว ภรรยา ตลอดจนเพื่อนๆของผมและภรรยาที่เคยมีลูกมาก่อน ที่พร่ำสอนว่า ต้องให้เด็กนั่ง car seat ทุกครั้งที่ขึ้นรถนะ…
ทุกครั้งที่ผมเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ผมกับภรรยาจะให้ลูกๆนั่ง car seat ตลอดเวลา ถึงแม้ช่วงแรกๆ (รวมถึงช่วงหลังๆด้วยบางเวลา) เค้าจะร้องไห้ฟูมฟายก็ตาม เราก็ต้องใจแข็งปล่อยให้ร้องไห้ไป เพราะถือคติว่า “safety first” พอนานๆเข้า เด็กๆก็จะเริ่มรู้เงื่อนไขเองว่า ถ้าไม่นั่งบน car seat จะไม่ได้ขึ้นรถไปด้วย แม้แต่วันแรกที่พาลูกออกจากโรงพยาบาลหลังคลอด ผมและภรรยาก็ให้ลูกน้อยนั่งบน car seat สำหรับเด็กแรกเกิด…เชื่อว่าพ่อแม่หลายคนมักจะใจอ่อนในขั้นนี้ และมักจะคิดว่านิดหน่อยคงไม่เป็นอะไร แต่อย่าลืมว่าอุบัติเหตุมันเกิดขึ้นได้ทุกวินาทีจริงๆ แข็งใจปล่อยให้ลูกร้องไห้ ดีกว่าไม่มีโอกาสให้เขาได้ร้องไห้นะครับ…
กระนั้นก็ดี ด้วยความที่ car seat ยี่ห้อดีๆมักจะมีราคาสูง(มาก) เดิมทีผมมีลูกชายคนเดียวก็มีสำหรับเด็กแรกเกิดถึงสองขวบ ต่อมาพอน้องปัณณ์โตขึ้นก็กัดฟันควักกระเป๋าซื้อสำหรับเด็ก 1-5 ขวบ มาอีกตัว จากนั้นพอผมมีน้องปุณณ์ ลูกสาวอีกคนที่อายุย่างเข้า 9 เดือน ภรรยาก็อยากได้ car seat ที่แข็งแรงๆ อีกอันไว้ให้น้องปัณณ์นั่ง ส่วนน้องปุณณ์จะขยับมานั่งอันที่สองแทน ผมก็คัดค้านเพราะเห็นว่าสิ้นเปลือง อันแรกยังใช้ได้อยู่เลย… แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ยอมควักเงินอีกสองหมื่นกว่าซื้อมาอีกตัวอย่างเสียไม่ได้
หลังจากซื้อมาได้เพียงเดือนเดียว เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและร้ายแรงที่สุดในชีวิตผมก็เกิดขึ้นจนได้ ผมกับครอบครัวเดินทางไป กทม. โดยลูกชายผมนั่ง car seat ตัวใหม่อยู่ด้านข้างคนขับ (ขยับเบาะให้ไกลจาก console หน้ารถเท่าที่จะทำได้ด้วยนะครับ) ลูกสาวนั่งบน car seat ตรงกลางเบาะคนนั่ง หันหลังให้กับถนน โดยมีภรรยาและพี่เลี้ยงนั่งขนาบข้าง วันที่ 13 ธันวาคม 2558 (เลขมงคลซะด้วยสิ) ระหว่างทางกลับโคราชบนถนนมิตรภาพใกล้ถึงสระบุรี รถผมเกิดพลิกคว่ำข้ามเลนไปฝั่งขาเข้ากรุงเทพ ชนรถยนต์คันอื่นๆ อีก 4 คัน…สภาพก็อย่างที่เห็นครับ ภรรยาผมกระดูกต้นคอหัก นิ้วมือหัก 3 นิ้ว พี่เลี้ยงกล้ามเนื้ออักเสบไปทั้งตัว…แต่น้องปัณณ์ อายุ 2 ขวบ 5 เดือน น้องปุณณ์ อายุ 10 เดือน กลับไม่มีแม้แต่แผลถลอก!! หลายๆคนบอกว่าเพราะเด็กมีแม่ซื้อแม่กำเนิดคอยปกป้อง…แต่สำหรับผม เจ้า car seat ที่ภรรยาผมคะยั้นคะยอนักหนาให้ผมซื้อมานี่แหละ ที่ทำให้ลูกน้อยผมยังมีลมหายใจอยู่ได้ในตอนนี้ … และตอนนี้เจ้า car seat ทั้งสองอันยังไม่บุบสลาย ยังคงอยู่เพื่อทำหน้าที่ปกป้องลูกน้อยทั้งสองคนอยู่ต่อไป (ยี่ห้ออะไรก็ดูเอาเอง เดี๋ยวหาว่าโฆษณาแฝง ฮาาา) *** แก้ไขข้อมูลครับว่า car seat ที่ประสบอุบัติเหตุแล้วไม่ควรเอามาใช้ต่อครับ และมีหลายท่านแจ้งมาด้วยว่า car seat บางยี่ห้อ เค้าเปลี่ยนตัวใหม่ให้ฟรีกรณีเกิดอุบัติเหตุครับ
ถ้าตอนนั้นผมดื้อรั้นไม่ซื้อเพราะเพียงเหตุผลว่า “แพง เดี๋ยวค่อยซื้อก็ได้” ตอนนี้ผมอาจจะไม่มีโอกาสได้กอดลูกผมคนใดคนนึงก็ได้… เงินสองสามหมื่น ก็ไม่ใช่เงินน้อยๆ แต่เมื่อเทียบกับชีวิตลูกทั้งชีวิตแล้ว คงไม่ต้องพูดต่อกระมังว่ามันคุ้มค่าแค่ไหน… แค่คิดว่าผมเป็นคนขับรถจนเกิดอุบัติเหตุ แถมยังไม่ยอมซื้อ car seat จนต้องสูญเสียลูกไป ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าผมจะดำรงชีวิตต่อไปอย่างไร….
หวังว่าบทเรียนบทนี้จะเป็นอุทาหรณ์ให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกเล็กๆ รวมถึงคนที่กำลังจะได้เป็นพ่อแม่คน ให้คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกน้อยให้มากๆ เงินเพียงสองสามหมื่นบาท แต่เมื่อเทียบกับชีวิตลูกทั้งชีวิตแล้ว ต่อให้ผมยากจนกว่านี้ ผมก็ยังยืนยันที่จะกัดฟันซื้อมาใช้อยู่เช่นเดิม…หากจะคำนวณเป็นตัวเงิน ง่ายๆ car seat ราคาอย่างสูง 3 หมื่นบาท ใช้ได้อย่างต่ำสำหรับช่วงอายุ 3 ปี ตกเฉลี่ยเพียงวันละประมาณ 27 บาท… อย่าคิดว่าอุบัติเหตุเป็นเรื่องไกลตัว อย่าคิดว่าการอุ้มลูกบนรถจะปกป้องลูกได้ดีที่สุด เพราะหากเกิดเหตุขึ้นแล้วไม่มีใครที่มีสติดีพอที่จะคอยปกป้องลูกได้หรอกครับ
นอกจากการบอกเล่าประสบการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว คุณพ่อท่านนี้ยังให้แง่คิดในการเลือกซื้อ เลือกใช้ คาร์ซีท แก่คุณพ่อคุณแม่ทุกคนไว้ดังนี้ค่ะ
1) อย่าคิดว่าแพง หากพอที่จะซื้อได้จงซื้อซะ
2) ซื้อมาแล้วอย่าใจอ่อน เด็กร้องไห้แน่ๆ แต่คิดว่าเสมอว่า safety first
3) อย่าคิดว่าขับรถใกล้ๆ ขับช้าๆ คงไม่เป็นไร เพราะหากรถชนขึ้นมามันมีแรงกระแทกมากพอที่จะทำให้เด็กเล็กๆ ได้รับอันตรายได้
4) ศึกษาและติดตั้งให้ถูกวิธีนะครับ (เห็นบางคนจับลูกนั่ง car seat จริง แต่ไม่คาดสายรัดเด็กเลย มันจะมีประโยชน์อะไร!)
เรื่องราวตื่นเต้นจากภาพประกอบ และเมื่อได้รู้ว่ามีเด็ก2 คนอยู่ในรถคันดังกล่าวด้วยแล้วช่างบีบหัวใจคนเป็นพ่อ เป็นแม่ซะเหลือเกิน ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ การเดินทางไม่ว่าจะใกล้หรือไกล พ่อแม่อย่างเราๆต้องเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ ถึงแม้เราจะชำนาญในการขับรถมากแค่ไหนก็ตาม อย่าลืมว่าเพื่อนร่วมทางของเรายังมีมากและไม่รู้ว่า เขาจะพลาดเมื่อไหร่ !!!
ขอบคุณเรื่องราวและรูปภาพ : Wiroon Jintanakul