ดูแลแผลผ่าคลอดอย่างไร ให้เรียบสวย ไม่นูนแดง

13 November 2016
129692 view

วิธีดูแลแผลผ่าคลอด

วิธีดูแลแผลผ่าคลอดอย่างถูกวิธี เพื่อความสวยงามของบาดแผล

เรื่องสวยนับเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิง การเกิดรอยแผลเป็นในบริเวณต่างๆ ย่อมสร้างความไม่สบายอก ไม่สบายใจให้กับผู้หญิงเป้นอย่างมาก โดยเฉพาะเเผลผ่าตัดคลอดที่นูนแดง หรือคล้ำดำ คุณสามีได้เห็นบ่อยที่สุดขณะที่เรามีกิจกรรมทางเพศด้วยกัน รวมถึงการสวมใส่ชุดโชว์เนื้อหนัง และถึงแม้จะไม่มีใครเห็นก็เถอะ ผู้หญิงเราก็ไม่สบายใจและไม่มั่นใจอยู่ดี  การดูแลแผลผ่าตัดคลอดบุตรให้ดี จึงเป็นเรื่องที่คุณแม่ทุกคนต้องใส่ใจ 

ปัจจัยหลายด้านส่งผลต่อสภาพแผล นูนมากนูนน้อย แดงหรือดำคล้ำ

นพ.ธรรมนูญ พนมธรรม ศัลยแพทย์ตกแต่ง โรงพยาบาลราชวิถี ให้ข้อมูลในงานเสวนาเรื่อง รู้จริงเรื่อง...แผลเป็นว่า ...การเกิดรอยแผลเป็นนั้นมีหลายปัจจัย ได้แก่

  • เรื่องอายุ ในคนที่อายุน้อยๆ จะมีโอกาสการสร้างพังผืดเยอะกว่า ในคนที่มีอายุมากหรือสูงอายุ
  • ลักษณะของผิวหนัง เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง คือ ในคนที่มีผิวสี เช่น คนเอเชีย หรือคนแอฟริกา มีโอกาสการเกิดเป็นแผลเป็นนูนมากกว่าคนที่มีผิวขาว
  • ตำแหน่งการเป็นของแผล ก็เป็นปัจจัยหนึ่ง ถ้าตำแหน่งที่เกิดในบริเวณหน้าอกทั้งด้านหน้าด้านหลัง ไหล่ หู หรือในส่วนบริเวณผิวหนังที่มีการเคลื่อนไหวได้บ่อยๆ ก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดแผลเป็นที่มีปัญหา และดูไม่ดีได้

วิธีดูแลแผลผ่าคลอดที่ถูกต้อง ตามคำแนะนำของศัลยแพทย์ 

1.วิธีดูแลแผลผ่าคลอด ด้วยการดูแลแผลหลังผ่าตัด  

หลังผ่าตัดเสร็จใหม่ๆ แนะนำการใช้แผ่นเทปปิดก่อนเพื่อจะรั้งไม่ให้แผลตึงจนเกินไป การรั้งแผ่นเทปอย่างนี้ จะต้องรั้งอย่างน้อยประมาณ 3 เดือน ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อรั้งแผลไม่ให้ยืดออก ถ้ายังไม่ได้ผล หรือแผลเริ่มจะแข็งหรือนูนขึ้นมาแล้ว ก็ให้ใช้แผ่นซิลิโคนเจลซีทปิด ปิดตลอด 24 ชั่วโมง อีกอย่างน้อย 1 เดือน แต่ถ้าหลังจากนั้นยังไม่ดีขึ้น ก็จะต้องฉีดยาสเตียรอยด์ ส่วนอาการคัน อาการปวด ก็ใช้พวกมอยเจอร์ไรเซอร์ และกินยา หรือทายาพวกสเตียรอยด์ เพื่อลดอาการคันและบวม
 


2.วิธีดูแลแผลผ่าคลอดด้วยการฉีดยาสเตียรอยด์รักษา

การฉีดยาสเตียรอยด์ในแผลเป็นนูน แผลจะยุบลงจริง แต่ในระยะการหายของแผลเป็นประมาณ 1 ปี ก็อาจทำให้เกิดรอยบุ๋ม ซึ่งแผลลักษณะเป็นรอยบุ๋มจะรักษายาก นอกจากทำให้ผิวบางแล้ว ยังทำให้เกิดไฮเปอร์พิคเมนท์ คือ สีผิวจางกว่าผิวหนังด้านข้าง ทำให้แลดูไม่สวย อย่างไรก็ตามคนไข้ที่ตั้งท้องในระยะแรกมาหาด้วยแผลเป็นนูนแบบนี้ จะแนะนำว่าให้รอไปก่อน หรือใช้วิธีการรักษาแบบอื่น เพราะไม่ทราบว่า การฉีดยาสเตอรอยด์จะมีผลต่อเด็กหรือเปล่า

3.วิธีดูแลแผลผ่าคลอดด้วยวัสดุเย็บแผลไม่ใช่สาเหตุแผลนูน

สำหรับการเย็บแผลโดยใช้วัสดุเย็บแผล ไม่ว่าจะเป็นเย็บไหมละลาย หรือไม่ละลาย ส่วนใหญ่ไม่มีผลต่อแผลเป็นที่เกิดขึ้น เพียงแต่ระยะเวลาของไหมที่ใช้ในการดึงรั้งแผลแตกต่างกัน ส่วนใหญ่จะเป็นแผลเป็นเพราะปัจจัยอื่นมากกว่า เช่น การติดเชื้อ แรงตึงบริเวณผิวที่เย็บ ไหมละลายพวกนี้อาจจะทำให้ขอบแผลค่อนข้างจะแดงและแดงอยู่นาน บางคนจึงกังวล

4.วิธีดูแลแผลผ่าคลอดด้วยการนวดรักษารอยแผลเป็นให้นุ่มขึ้น  

การนวดบริเวณแผลเป็น เป็นการกระตุ้นให้แผลนุ่มขึ้น แต่ควรจะใช้มอยเจอร์ไรเซอร์และโลชั่นมาช่วยนวดและทาด้วยเพื่อให้แผลเป็นชุ่มชื่น จะได้นุ่มได้ไวขึ้น แบนราบได้เร็วขึ้น และทำให้อาการปวดจากแผลเป็นเหล่านี้ลดลงไปได้ด้วย อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังในการนวดก็คือ นวดในแผลเปิด แผลอาจปริขึ้นมา หรือบวมขึ้นมา หรือแพ้โลชั่นก็ต้องหยุด แผลบางตำแหน่งเช่น ตำแหน่งหน้าอก หู หัวไหล่ การกระตุ้นตรงนั้น อาจทำให้เกิดแผลนูนขึ้นมาได้ ขณะเดียวกันกลุ่มคนไข้ที่มีโอกาสเกิดเป็นแผลนูนอยู่แล้ว ก็ไม่แนะนำให้นวด ฉะนั้นก็ต้องพิจารณาให้ดีเช่นเดียวกัน ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องให้นวดเสมอไป
 

5. วิธีดูแลแผลผ่าคลอดด้วยการรักษาโดยการพึ่งแพทย์  

ได้แก่การรักษาโดยผ่าตัด ฉีดยาสเตียรอยด์ ใช้ซิลิโคนเจลชีท ใช้ฉายแสงเลเซอร์ การจี้ด้วยความเย็น สามารถใช้การรักษาแผลเป็นนูนได้ทั้งหมด แต่สำหรับการรักษาแผลเป็นคีลอยด์ ด้วยวิธีการเหล่านี้ ไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ รักษาไปแล้ว มีโอกาสเกิดขึ้นมาใหม่ได้อีก ดังนั้น แพทย์ต้องแนะนำกับคนไข้ให้เข้าใจก่อนว่า รักษาแผนนูนคีลอยด์ได้ แต่รักษาแล้วไม่หายร้อยเปอร์เซ็นต์


หัวใจสำคัญของการรักษารอยนูนจากแผลผ่าตัดคลอด คือการดูแลตามขั้นตอนของแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัดตั้งแต่วันแรกหลังการผ่าตัดเสร็จสิ้น นอกจากนี้แล้ว ปัจจัยด้านลักษณะผิวยังเป้นส่วนสำคัญทำให้ความนูน รอยเเดงมากน้อยเเตกต่างกันออกไป หากคุณแม่หลังคลอดไม่มั่นใจกับรอยแผลที่เกิดขึ้น สามารถปรึกษาศัลยแพทย์มืออาชีพได้ เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะกับคุณค่ะ 
เรียบเรียงโดย  : Mamaexpert Editorial Team

ขอบคุณข้อมูล :  MGR Online