จากกรณี ที่มีผู้โพสต์เฟซบุ๊ค ชื่อ “ภาณุมาศ ภูมิถาวร” เผยแพร่ในโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค ว่า ดญ.ปภาดา ด้วงยา มาเข้าเรียนม.3 เทอม 2 ที่รร.บ้านหนองหลวง ต.หนองหลวงอ.ลานกระบือจ.กำแพงเพชร เพราะพ่อเป็นคนงานตัดอ้อยแล้วแต่เถ้าแก่ไร่อ้อยจะรับไปที่ไหน พอหมดงานเถ้าแก่จะส่งกลับอีสานแต่ปภาดากับพ่อไม่กลับ เพราะไม่มีบ้านให้กลับแต่ก็ต้องออกจากที่พักในไร่อ้อย ครูที่รร.ไม่มีใครรู้ว่าเด็กเรียบร้อยสงบเสงี่ยมและเรียนดีคนนี้อาศัยศาลาธรรมสังเวชที่ตั้งศพในวัดตรงข้ามกับโรงเรียนเป็นที่นอน อาศัยข้าวจากแม่เพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ห่อมาฝากทุกวันทั้งมื้อเช้ามื้อเย็น
ปภาดา กลาย เป็นที่รู้จักเพราะเธอสอบโอเน็ตได้อันดับหนึ่งของเขตการศึกษา และสอบเรียนต่อม.4 รร.ลานกระบือวิทยาได้อันดับที่2 ขณะนี้ได้รับความช่วยเหลือเบื้องต้นจากผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 คือนางประนอม พะโยม พาไปอยู่บ้านพักคนงานในไร่ เธอกับพ่อไม่มีแม้ฟูกปูนอน มีสมบัติชิ้นเดียวคือพัดลม นอกเหนือจากหนังสือและดิกชันนารีเก่าคร่ำเล่มหนึ่งที่เด็กคนอื่นอาจจะทิ้งแล้ว ปภาดารักการเรียนที่สุด มุ่งมั่นไม่เคยท้อถอย เธอไม่อยากเป็นหมอ แต่อยากเป็นครู
ปภาดา รอความช่วยเหลือในระยะยาวที่จะส่งเธอให้ถึงฝั่งฝัน เธอจะได้เป็นคุณครูปภาดา หรือเป็นคนงานตัดอ้อยตามรอยเท้าพ่อ …บางทีเราอาจมีคำตอบอยู่ในใจ…
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2559 ผู้สื่อข่าว “ข่าวสด” จึงได้ไปติดตามเรื่องราวของ เด็กหญิงปภาดา หรือ น้องแน็ค ด้วงยา นักเรียนสอบโอเน็ตได้อันดับหนึ่งของเขตการศึกษา แต่ครอบครัวอาศัยนอนศาลาข้างห้องน้ำในวัด เพื่อนเรียน ต่างพากันปันอาหารเพื่อให้ประทังชีวิต โดยผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่โรงเรียนบ้านหนองหลวงพบกับ นางสาวปภาดา ด้วงยา ผู้ถูกกล่าวถึง พร้อมด้วยนายอารัญ หนองหลวง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองหลวง นางสาวนภัสสร พัชนี หรือ “ครูเก๋” ครูผู้สอนวิทยาศาสตร์ และนางสาวสิรินุช ชูชื่น ครูนุช ครูผู้สอนภาษาไทย โดย นางสาวปภาดากับเพื่อน ๆในกลุ่ม 6 คน ต่างเดินทางมาช่วยคุณครูทำความสะอาดห้อง จัดระเบียบห้องพักครู ให้สะอาดเป็นระเบียบ
นางสาวปภาดา ปัจจุบัน อายุ 16 ปี กำลังจะเข้าศึกษาชั้น ม.4/4 โรงเรียนลานกระบือวิทยา อำเภอลานยกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร เปิดเผย ข่าวสด” ว่า พ่อของตนชื่อนายรวย หรือ นายสน ด้วงยา อายุ 57 ปี เดิมพ่อทำงานรับจ้างทำสวนที่จังหวัดจันทบุรี จนมีพรรคพวกบอกว่า หากไปทำงานที่กำแพงเพชรจะได้เงินมากกว่า จึงเดินทางมาทำงานตัดอ้อยแต่ไม่เคยตัดมาก่อน จึงได้เงินไม่มาก อยู่สักพักจนงานตัดอ้อยหมด พ่อจึงไม่มีงานทำ ต้องออกจากบ้านเถ้าแก่ไร่อ้อย ไปอาศัยบ้านเพื่อนอยู่พักหนึ่ง ต่อมารู้สึกเกรงใจ จึงออกจากบ้านเพื่อนไปนอนที่ศาลาในวัดสว่างอารมณ์ ในหมู่บ้าน โดยพ่อพยายามหางานทำแต่ไม่มีคนรับอ้างว่าเป็นคนต่างถิ่น ขณะที่อาศัยศาลาข้างห้องน้ำภายในวัดจะอาศัยความช่วยเหลือจากเพื่อนมีเพื่อนช่วยทำกับข้าวมาส่งเช้าเย็นและนำสิ่งของเครื่องใช้มาให้ ต่อมาได้ไปทำงานที่ร้านเฟอร์นิเจอร์อยู่พักหนึ่งและปัจจุบันอาศัยอยู่ที่พักคนงานของนางประนอม พะโยม ผู้ใหญ่บ้านหนองหลวงที่รับพ่อและตนเข้าไปอยู่อาศัยชั่วคราว
นางสาวปภาดา ยังกล่าวต่อว่า ตนจบ ม.3 ที่โรงเรียนบ้านหนองหลวงและกำลังจะเข้า ม.4 ที่โรงเรียนลานกระบือวิทยา โดยตั้งเป้าที่จะเป็นครูเพราะเป็นอาชีพที่มั่นคงและสามารถใช้ความรู้ที่มีถ่ายทอดให้คนอื่นได้ ปัจจุบันการดำเนินชีวิตตนมีแค่ไหนก็ใช้ก็ทำแค่นั้น และเพื่อนก็ช่วยเหลือตนตลอด ปัจจุบันอาศัยอยู่กับพ่อ 2 คน ไม่มีญาติ แม่ก็เสียเมื่อตนอายุ 3 ขวบกว่า ๆ ญาติอยู่ต่างจังหวัดกันหมด พ่อเป็นคนนครพนม แล้วไปทำงานที่จันทบุรีและที่นี่ ไม่เคยกลับบ้าน ตนจึงไม่รู้จักญาติคนอื่น
นางสาววราภรณ์ หรือ น้องเก๋ เกิดช้าง อายุ 16 ปี เพื่อนสนิทที่คอยช่วยเหลือน้องแน็ค กล่าวว่า น้องแน็คเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น มีอะไรก็ให้คำปรึกษาตลอด เป็นคนขี้เกรงใจ เวลามีปัญหาไม่ค่อยจะบอก ตนรู้เรื่องราวน้องแน็คว่าไปนอนอยู่ศาลาวัด จึงไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง แม่จึงทำใช้อาหารมาส่งให้ และรู้ว่าไม่มีพัดลมแต่อากาศร้อนมากจึงนำพัดลมไปให้ ขณะเรียนด้วยตนแบ่งอุปกรณ์การเรียนให้ใช้เพราะรู้ว่าเพื่อนไม่ค่อยมี เรียนเล่นอยู่ด้วยกันกับน้องแน็คมา 5 เดือน มีความรู้สึกดี ๆให้กัน เพื่อนเป็นคนเรียนเก่ง นิสัยดี ชอบช่วยเหลือคนอื่นและขี้เกรงใจ ช่วงตนเอาข้าวมาให้ทุกวันจนน้องแน็คบอกว่า มีข้าวหุงเองแล้วจึงหยุดนำมาให้
นายอารัญ หนองหลวง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองหลวง กล่าวว่า ตอนเด็กหญิงปภาดาย้ายมาใหม่ๆ ตนก็เห็นว่าเป็นเหมือนครอบครัวตัดอ้อยทั่วไปที่ย้ายถิ่นมา แต่อยู่มาระยะหนึ่งพบว่าผลการเรียนโดดเด่นมาก การแข่งขันกิจกรรมต่าง ๆ มีผลงานโดดเด่น ได้พูดคุยกับคณะครูของโรงเรียนและทราบประวัติเด็กหญิงปภาดาและพ่อ และทราบว่าไปอยู่กับเพื่อนที่หลังโรงเรียน จึงเรียกมาสอบถาม ว่าเป็นอยู่อย่างไรเพราะตนเคยตำหนิโรงเรียนอื่นหลาย ๆ โรงเรียน เด็กบอกว่าอยู่ที่วัด จึงบอกให้พาพ่อมาอยู่ในบ้านพักครูอยู่กับคณะครูเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เด็ก พอดีทางผู้ใหญ่บ้านนางประนอม พะโยมได้ชักชวนไปอยู่ด้วย ก็เป็นโอกาสดีของเด็กไป
จากนั้น “น้องแน็ค” หรือ นางสาวปภาดา ได้พาผู้สื่อข่าวไปยังวัดสว่างอารมณ์ที่เคยอาศัยอยู่ระยะหนึ่ง สภาพเป็นศาลาเล็ก ๆ ชั้นเดียวอยู่ข้างศาลาใหญ่และมีห้องน้ำห้องสุขาหลายห้องอยู่ด้านข้าง โดยบอกว่า กางมุ้งอาศัยนอนบนศาลาที่โล่ง ๆอย่างนั้น ส่วนห้องเล็ก ๆ ด้านข้างทางวัดไว้ใช้เป็นที่เก็บของ ส่วนห้องแถวบ้านพักคนงานที่อาศัยอยู่ในปัจจุบันอยู่ในที่ดินของนางประนอม พะโยม เป็นห้องพักชั้นเดียวผนังก่ออิฐ ประตูโครงไม้ตีด้วยสังกะสีแผ่น ทางคณะครูได้นำฟูกเก่ามาให้น้องปภาดาใช้นอนแทนเสื่อที่เคยใช้แต่ก่อน
ในตอนสายวันเดียวกันนี้ ทางคณะครูได้ไปทำการเปิดบัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาลานกระบือ ชื่อบัญชีกองทุนเพื่อการศึกษา นางสาวปภาดา ด้วงยา เลขที่บัญชี 634-0-32835-0 โดยมีนายอารัญ หนองหลวง ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านหนองหลวง นางสาวนภัสสร พัชนี และนางสาวสิรินุช ชูชื่น ครูผู้สอน เป็นผู้ดูแลเซ็นเบิกจ่ายบัญชีให้กับนางสาวปภาดา ไปพลางๆจนกว่าจะบรรลุนิติภาวะ ซึ่งหากผู้ใดต้องการช่วยเหลือนางสาวปภาดา สามารถบริจาคเข้าตามเบอร์บัญชีธนาคารดังกล่าวได้